เส้นทางอาชีพของนักกีฬาเมื่อถึงคราที่อายุของพวกเขา เริ่มมีอายุมากขึ้นจนไม่สามารถขยับร่างกายให้คล่องแคล่วว่องไว ได้เหมือนกับสมัยที่พึ่งเริ่มเส้นทางแห่งนักกีฬาใหม่ๆ พวกเขาย่อมจะรู้ตัวอยู่แล้วว่า เมื่อไหร่กันที่ควรจะวางมือจากวงการนักกีฬานั้นไป แต่ทว่าการสิ้นสุดอาชีพนักกีฬา ไม่จำเป็นที่จะต้องลาขาดจากกีฬาชนิดนั้นไปเลย ยังมีสายอาชีพอีกมากมายในวงการกีฬาที่รอรับคนที่มีความสามารถอยู่ เช่น กีฬาการแข่งขันอย่างฟุตบอล ก็ต้องมีโค้ช มีผู้ดูแลการฝึกซ้อม หรือแม้กระทั่งโค้ชของแต่ละตำแหน่ง ด้วยตำแหน่งเหล่านี้เองที่คอยรับสมัครจากผู้ที่มีทักษะ มีความสามารถในแต่ละด้าน แต่ละมุมของกีฬาแต่ละประเภท ทำให้ส่วนใหญ่นักกีฬาที่มีชื่อเสียงอาจจะไม่ได้ลาจากกีฬานั้นแบบเด็ดขาด เพียงแต่ผันตัวไปอยู่ในตำแหน่งอื่นๆ ในประเภทของแต่ละกีฬาเท่านั้นเอง นักฟุตบอลหลายคนที่เคยมีชื่อเสียงในสมัยที่พวกเขายังคงโชว์ฟอร์มเด็ดอยู่บนสนามหลังจากแขวนสตั้ดกับการเป็นนักเตะอาชีพ ส่วนใหญ่หากใครที่ยังไม่ลาขาดจากวงการกีฬา ก็จะเค้นเอาความสามารถที่เหลือมาเป็นโค้ช ใช้ความสามารถนั้นเพื่อสร้างความสำเร็จให้แก่ทีมของตนเอง ข้อคิดดีๆจากแม่ทัพฟุตบอลไทย คลิกที่นี่ ข้อคิดดีๆ จาก “ซิโก้” แม่ทัพฟุตบอลไทย
ในวงการฟุตบอลไทยเองก็มีเช่นกัน กับนักเตะในอดีตที่เรียกได้ว่าเป็นนักเตะระดับตำนานที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับวงการฟุตบอลไทยมาอย่างโชกโชน จนเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องอำลาอาชีพนักเตะ พวกเขาไม่ได้หันหลังให้กับกีฬาฟุตบอลในทันที แต่ได้ผันตัวไปเป็นโค้ชแทน มีคนที่ได้เป็นถึงโค้ชทีมชาติอย่าง ช้างศึกไทย อยู่ด้วยเช่นกัน เท่ากับว่าพวกเขาประสบความสำเร็จทั้งหับอาชีพนักเตะสมัยยังหนุ่มยังแน่น และประสบความสำเร็จที่ได้เป็นโค้ชให้กับทีมชาติในตอนที่เริ่มมีอายุแล้ว จากที่เล่ามาในตอนต้นแสดงให้เห็นถึงความสามารถของบุคคลนั้นเกี่ยวกับฟุตบอลได้อย่างดีเลยว่า เขามีความสามารถ ความเข้าใจ ทักษะในวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง จึงทำให้ขึ้นมาถึงจุดๆ นี้ได้อย่างสมภาคภูมิ นักเตะไทยที่เก่งที่สุดระดับตำนาน
นักเตะที่ผันตัวมาเป็นโค้ชนั้น ไม่ได้แสดงถึงการที่จะต้องมาเป็นผู้จัดการทีมแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงโค้ชในตำแหน่งอื่นอีกด้วย หากใครอยากรู้จักกับบุคลกลุ่มนี้ เริ่มเลื่อนลงไปอ่านที่บทความด้านล่างนี้ได้เลย
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือ ซิโก้ เขาเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของวงการฟุตบอลไทยในฐานะตำแหน่ง กองหน้าดาวรุ่ง ที่พาทีมชาติไทยหรือช้างศึกไทย คว้าแชมป์มานับไม่ถ้วน นัดแจ้งเกิดของซิโก้เกิดขึ้นเมื่อปี 1993 ที่เขาพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ในเกมที่พบกับพม่าในช่วงนั้น หลังจากที่แขวนสตั้ดจบเส้นทางแห่งการเป็นอาชีพนักเตะ ตัวเขาได้ผันตัวลองมาเดินบนเส้นทางแห่งการเป็นโค้ช แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จกับสโมสรของเขาสักเท่าไหร่นัก จนในที่สุดเขาได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้มีหน้าที่ดูแลทีมชาติไทย สถิติรวมเวลาในการคุมทีมชาติไทยของซิโก้ทั้งหมด 5 ปีนั้นคว้าแชมป์ซีเกมส์ แชมป์คิงส์คัพ ครองที่สองของอาเซียนถึงสองสมัย และยังพาทีมชาติไทยจบที่ 4 ของเอเชียนแกมส์ได้อีกด้วย
https://sport.mthai.com/app/uploads/2017/03/32803775893_8a20c40287_k.jpg
ด้วยผลงานตลอดระยะเวลา 5 ปีของโค้ชซิโก้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดกันเลยว่า ตัวเขาเป็นทั้งฮีโร่สมัยที่ยังเป็นนักเตะ และก็ยังเป็นฮีโร่ตอนที่ได้คุมทีมชาติไทยในช่วง 5 ปีนั้นด้วย แต่ปัจจุบันตัวซิโก้เองก็ได้ลาออกจากการเป็นโค้ชทีมชาติไทยแล้ว หากใครที่ทันได้ดูทีมชาติไทยแข่งขันในช่วงการกุมบังเหียนของซิโก้ คงจะจำความประทับใจวนช่วงเวลาอันแสนแข็งแกร่งของช้างศึกไทยได้ ปัจจุบันเมื่อเกิดความผิดพลาดในทีมชาติไทย ชื่อที่ทุกคนคิดย้อนกลับไปและหวังอยากให้กลับมาช่วยทีมชาติไทย ก็คงไม่พ้นชื่อของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
วิทยา เลาหกุล
อีกหนึ่งในตำนานวงการฟุตบอลไทยที่ยังมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้กับ วิทยา เลาหกุลหรือโค้ชเฮง แจ้งเกิดครั้งแรกตอนที่ได้รับโอกาสให้ร่วมเล่นกับทีมชาติไทย พาช้างศึกไทยคว้าชัยจากอินโดนีเซียไปได้ 3-1 ประตู หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2519 เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันควีนส์คัพ ซึ่งในครั้งนั้น สโมสรยันมาร์ดีเซลของญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการแข่งขันและคว้าแชมป์ไป โดยนอกจากการคว้าแชมป์ยันมาร์ดีเซลแล้วยังคว้าตัววิทยา เลาหกุลไปด้วย
https://www.khaosod.co.th/wp-content/uploads/2018/08/IMG_2854.jpg
เขาประสบความสำเร็จอย่างมากกับลีกญี่ปุ่นถึงขั้นเคยได้เป็นนักเตะยอดยเยี่ยมประจำฤดูกาลที่ญี่ปุ่นอีกด้วย ลีกเยอรมันเองเจ้าตัวก็เคยไปเล่นถึง 2 ทีมด้วยกัน หลังจากที่วางมือไปตัวเขาเองก็ได้เริ่มคุมทีมฟุตบอลธนาคารกรุงเทพในไทยลีกเป็นทีมแรก จนชนะเลิศในไทยลีกด้วย ต่อมาช่วงปี พ.ศ.2540 เขาได้รับโอกาสให้คุมทีมชาติไทยและพาทีมชาติไทยชนะเลิศซีเกมส์ด้วย
วรวุฒิ ศรีมะฆะ
คนสุดท้ายกับอดีตนักเตะกองหน้าในอดีต วรวุฒิ ศรีมะฆะ เขาเคยเป็นกงอหน้าที่มีฝีเท้าและทักษะดีในระดับหนึ่งด้วยสถิติการลงเล่นให้กับสโมสร บีอีซี เทโรศาสน เป็นเวลา 8 ทีมรวมทั้งสิ้น 119 นัด ทำประตูไปทั้ง 55 ประตู ถือเป็นอัตราส่วนที่น่าสนใจเรียกได้ว่า ยิงทุก 2-3 นัดเลยก่าได้ หลังจากที่แขวนสตั้ดทีมสุดเท้ายที่ลงเล่นในคือ จุฬา ยูไนเต็ด
https://www.thfootball.com/wp-content/uploads/2018/01/DSC_4534.jpg
เขาไม่ได้หันหลังให้กับฟุตบอลในทันที แถมต่อมาอีก 1 ปียังผันตัวไปเป็นโค้ชให้กับทีม ปทุมธานี เป็นทีมแรง ในปี พ.ศ. 2553 หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในด้านโค้ชอยู่ถึง 6 ปี เขาได้รับโอกาสในการเป็นโค้ชทีมชาติฟุตบอลไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี และพาทีมคว้าแชมป์ซีเกมส์ในปี 2017 ในเวลาต่อมา แต่ก็มีสะดุดในปีถัดมา
หลังจากที่ได้เล่ากล่าวถึงเรื่องราวเบื้องต้นของอดีตนักเตะที่เคยประสบความสำเร็จในไทยลีกและลีกต่างประเทศมาก่อน เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่ได้ละทิ้งเส้นทางแห่งวงการฟุตบอล เพียงแต่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหน้า บทบาทสำหรับฟุตบอลบ้าง เมื่อร่างกายเคลื่อนไหวได้ไม่ดีเท่าสมัยก่อน หรือไม่ฟิตพอที่จะวิ่งให้ครบ 90 นาที ก็จะกลายเป็นโค้ชที่คอยใช้สมองสั่งการลูกทีม ทั้งเรื่องการวางแผน การวางแท็คติกการเล่นให้ไปถึงชัยชนะได้ดีที่สุด เท่ากับว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้แล้ว ทั้งชีวิตได้เป็นถึงนักเตะและโค้ชในคราวเดียว
อ้างอิง
https://adaybulletin.com/talk-guest-kiattisak-senamuang/30470
https://www.bugaboo.tv/watch/422376