ในช่วง 4 ปีหลังของตารางอันดับในไทยลีกใครก็ต้องเห็นเมืองทองติดอยู่ในท้อป 5 ตลอดเวลาอย่างแน่นอนจะไม่มีทางต่ำไปกว่านั้นอย่างเด็ดขาด ไหนจะแชมป์ลีกที่เคยได้เมื่อปี 2016 และการตกเป็นรองบุรีรัมย์ในปี 2015 กับ 2017 ปีที่แล้วพวกเขาเองก็จบที่ 4 โดยไม่มีครั้งไหนเลยที่จบเกินอันดับที่ 5 ของตารางคะแนนไทยลีก แต่ทว่าในปัจจุบันตอนนี้เมืองทองเล่นเหมือนกับทีมหนีตกชั้นอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งของผู้เล่นออกมาได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเจอทีมไหนทำได้ที่สุด 5 นัดหลังก็แค่เสมอ ส่วนสถิติการแพ้นั้นแพ้ไปถึง 7 นัด การแข่งขันจากทั้งหมด 11 นัดในตอนนี้ แพ้ไปเกินครึ่ง ส่วนการชนะ ชนะไปเพียงแค่ 2 เกมการแข่งขันแต่เพียงเท่านั้น ส่วนอีก 2 แต้มคือมาจากการเสมอถึง 2 นัดพวกเขามีเพียงแค่ 8 คะแนนโดยอันดับรั้งท้ายสุดของตารางไทยลีก แน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยกับพวกเขา ซึ่งถ้าหากเทียบกับอันดับที่ 5 ซึ่งเป็นอันดับแย่ที่สุดที่พวกเขาเคยทำได้ในช่วง 4 ปีหลังของไทยลีก เมืองทองต้องทำแต้มอีกถึง 9 แต้มถึงจะทันอันดับ 5 อย่าง นครราชสีมา ในตอนนี้ ข้อคิดดีๆ จาก “ซิโก้” แม่ทัพฟุตบอลไทย
สถานการณ์แบบนี้คงเลวร้ายและเป็นฝันร้ายที่สุดแล้วของทั้งเตะเมืองทอง โค้ช ผู้จัดการ หรือแม้แต่บอร์ดบริหารเองก็ตามที มีปัญหาเกิดขึ้นในทีมหลายขุด โดยที่ปัญหาเหล่านั้นดูแล้วยังคงไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างถูกต้องเท่าไหร่นัก จึงทำให้สภาพทีมของเมืองทองในตอนนี้ร่อแร่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะออกไปเตะกับทีมไหนแฟนบอลตอนนี้ก็คงลุ้นกันตัวเกร็งแล้วว่าจะได้ 1 แต้มจากการพยายามเสมอ หรือไม่ได้สักแต้มจากการพ่ายแพ้อีกเช่นเคย ยิ่งการแข่งขันในครั้งถัดไปพวกเขาต้องไปเยือนคู่ปรับอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ไม่รู้ว่าทางปราสาทสายฟ้า จะยังมองเมืองทองเป็นคู่อริอยู่หรือไม่กับฤดูกาลนี้ มันอาจจะดูโหดหรือรุนแรงเกินไปกับคำพูดนี้ แต่ความจริงถ้าหากเมืองทองไม่รีบเค้นฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ในการซ้อมก่อนเจอกับบุรีรัมย์ สภาพคงไม่ต่างจาก 5 นัดหลังที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะบุรีรัมย์เป็นทีมเพียงทีมเดียวในไทยลีกที่ยังไม่แพ้ใครเลย แข่งขัน 9 นัด ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 0 เห็นสถิติแบบนี้แล้วแฟนเมืองทองเองก็คงมีเสียวกันบ้างละงานนี้
เราจะลองมาวิเคราะห์ถึงปัญหากันว่า ทำไมเมืองทองถึงมีสภาพที่ย่ำแย่ได้ขนาดนี้ ทั้งที่ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนกับพวกเขา หากอยากรู้ถึงปัญหาต่างๆ ของเมืองทองในตอนนี้ลองเลื่อนลงไปอ่านได้ที่บทความด้านล่างนี้เลย หากใครที่อ่านแล้วรู้สึกคิดเหมือนกัน ก็แสดงว่า ปัญหานี้คงเป็นปัญหาจริงๆ ที่พวกเขาควรจะลงมือแก้ไขเสียที คุณอาจสนใจบทความที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ แมทช์ประวัติศาสตร์ที่ฟุตบอลทีมชาติไทยต้องจารึก
https://goal90min.com/wp-content/uploads/2019/05/ssss.jpg
บรรยากาศในทีม
หลายครั้งที่บางทีมปล่อยให้บรรยากาศการเล่นภายในทีม หรือแม้แต่การพูดคุยในห้องแต่งตัว เป็นไปในทิศทางลบมากกว่าจะเป็นการปลุกใจเพิ่มพลังบวกเพื่อที่เตรียมพร้อมลงสนาม ทำให้การเล่นประสานงานในแต่ละครั้งเมื่อต้องมองหน้ากันเวลาส่งบอล เกิดความรู้สึกขัดใจหรือการเสียสมาธิ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทางโค้ชอย่าง จอง ฮวาน เองก็เคยพูดไว้ ว่า พวกเราปล่อยให้บรรยากาศในทีมแย่ลงเนื่องจากหลายสาเหตุ ทั้งอาการเหนื่อยล้าร่างกาย และอ่อนแรงทางด้านจิตใจ อาการเหนื่อยล้าทางด้านร่างกายนั้นเราสามารถพักผ่อนหรือสร้างเสริมสุขภาพเพื่อเติมเต็มส่วนขาดหายไปได้ไม่มากก็น้อย แต่จิตใจที่อ่อนล้า หากไม่ได้รับการกระตุ้นอย่างถูกวิธี ไม่ก็การได้รับการกระตุ้นเมื่อเกิดปัญหา ก็จะทำให้พลังใจที่มีค่อยๆ มอดลงไม่พร้อมกับการสู้ศึกไหนทั้งจนกว่าพลังใจจะกลับมาพร้อมลงเล่นให้ทีมอีกครั้ง
https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPGTaLyNlb5VbnDow9OGShG70hYNkO.jpg
นักเตะในทีมพากันฟอร์มตกเสียอย่างนั้น
ในช่วงนี้สภาพทักษะ ความสามารถของนักเตะเมืองทองพากันฟอร์มตกฮวบฮาบกันทั้งทีม โดยไม่เว้นใครเลยแม้แต่คนเดียว หากลองไล่ชื่อไปตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงตำแหน่งกองหน้า เมืองทองในตอนนี้ ไม่สามารถฝากความหวังหรือพึ่งพานักเตะคนไหนได้เลย ณ ตอนนี้ สาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่า พวกเขาไม่เคยประสบปัญหาฟอร์มตกขนาดนี้กันมาก่อน ตั้งแต่ช่วงยุคสมัยที่เมืองทองพึ่งขึ้นมาเล่นไทยลีกใหม่ ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาก่อน จึงกลายเป็นว่าไม่มีใครเลยที่เคยแก้ปัญหานี้ได้ ในเมื่อปัญหาพึ่งเกิดภาระหน้าจึงกลายเป็นว่ามาตกที่ โค้ช ผู้จัดการทีมและนักเตะชุดนี้ ที่จะต้องช่วยกันแก้ปัญหาด้วยตัวของพวกเขาเอง ทั้งที่ไม่มีใครสามารถบอกเล่าถึงวิธีการแก้ปัญหานี้ได้อย่างเฉียบขาดเลยแม้แต่คนเดียว
https://spcdn.co/wp-content/uploads/2019/05/S__55959578.jpg
สภาพจิตใจที่แสนจะทรุดโทรม
ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้อแรกถึงอาหารเหนื่อยล้าของจิตใจ ที่ถ้าหากไม่ได้รับพลังการฟื้นฟูให้ขึ้นมาจากหลุมลึกให้ไวที่สุดละก็ จิตใจของพวกเขาก็จะยิ่งจมดิ่งลงไปมากขึ้นเท่านั้น เช่น การที่นักเตะคนหนึ่งเคยมีฟอร์มที่เก่งกาจเอามากๆ แต่เมื่อตัวเองฟอร์มตก จนเค้นเท่าไหร่ พยายามแค่ไหน ฟอร์มเก่ง ณ ตอนนั้นก็ไม่สามารถกลับมาได้สักที กลายเป็นว่า เกิดความกดดันกับตัวเองมากขึ้น ผิดหวังกับตัวเองมากขึ้น ขาดความมั่นใจมากขึ้น ทำให้จังหวะการเล่นบอลในบางครั้งพลาดเอาได้ง่ายๆ ไม่สามารถเล่นให้มีจังหวะที่ดีได้เหมือนแต่ก่อน เพราะสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จนส่งผลต่อความคิดด้านอื่น และเสียสมาธิการเล่นในที่สุด
ณ ปัจจุบันตอนนี้ กิเลนผยองไม่ได้น่าผยองเลยแม้แต่น้อย เหลือเพียงภาพแห่งความน่ากลัวครั้งอดีตที่พวกเขาได้สร้างไว้กับหลายๆ ทีมทำให้ตอนนี้ต้องรีบดึงฟอร์มเก่งของทีมออกมาให้ได้สักครึ่งหนึ่งจากเมื่อก่อนก็ยังดี เพื่อประคองสถานการณ์ทีมให้ดีขึ้นจากปัจจุบันในอันดับที่ 16 ใต้ทีมที่พวกเขาเคยคว้าชัยชนะมามากมาย กว่าจะกลับมาเป็นกิเลนผยองอีกครั้ง คงจะต้องใช้เวลาอยู่มากจากสภาพการณ์ในตอนนี้ โดยที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยเช่นกันว่า เมื่อไหร่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ของพวกเขาจะกลับมาโลดแล่นบนท้อป 5 ของตารางคะแนนไทยลีกเสียที เมื่อใดที่พวกเขาคืนฟอร์มได้ ก็คงจะลบคำสบประมาทที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ออกไปได้มาก เพราะหากไม่ทำอะไรเลยมันก็จะเยอะขึ้นเรื่อยไม่ช่วยให้เกิดอะไรที่ดีขึ้นมาอย่างแน่นอน
อ้างอิง
https://www.smmsport.com/reader/article/14071
https://www.khaosod.co.th/sports/news_2507743
https://sport.mthai.com/football-thai/389499.html
